นายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ผู้อำนวยการสถาบันอาหาร เปิดเผยว่า

ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญกับตลาดเมียนมามากขึ้น เนื่องจากเป็นประเทศที่กำลังขยายตัวในระดับสูง ล่าสุดทางสถาบันอาหารได้นำผู้ประกอบการเอสเอ็มอีอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปของไทย 20 ราย เข้าร่วมงานเมียนมา อินเตอร์เนชั่นแนล แฟรนไชส์ แอนด์ เอสเอ็มอี เอ็กซ์โป 2016 ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา นำผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปไปจัดแสดงและเจรจาธุรกิจ เช่น ไข่มดแดงกระป๋อง, เห็ดเผาะกระป๋อง, ซาลาเปาลาวา, หมี่โคราชกึ่งสำเร็จรูป, ชาสมุนไพร, เครื่องดื่มเม็ดแมงลักกลิ่นผลไม้, เครื่องดื่มน้ำส้มแขก และกล้วยน้ำว้าอบแห้ง ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดี นอกจากนี้ สถาบันอาหารได้ร่วมแสดงเอกลักษณ์อาหารไทยด้วยการสาธิตการปรุงอาหารด้วยการใช้เครื่องปรุงรสสำเร็จรูปต่าง ๆ เช่น น้ำซอสผัดไทย ผงปรุงรสลาบ น้ำตก ขนมจีนอบแห้งและน้ำยาสำเร็จรูป แกงไตปลาสำเร็จรูป ซึ่งจากการ ทำแบบสอบถามกับผู้เข้าร่วมงานจำนวน 100 คน ทำให้ทราบว่า ชาวเมียนมารู้จักอาหารไทยเป็นอย่างดี เนื่องจากคุ้นเคยกับรสชาติอาหาร เพราะมีอาหารไทยหลายอย่างที่มีรสชาติใกล้เคียงกับของเมียนมา โดยนิยมบริโภคอาหารประเภทเส้น ชอบวิธีการผัดมากกว่าการต้ม ไม่ติดหวาน เน้นรสเค็ม และไม่นิยมใช้กะทิในการประกอบอาหาร

        อย่างไรก็ตามในการจัดแสดงสินค้าที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ประกอบการเข้าร่วมงานรวม 80 บริษัท เป็นบริษัทภายในประเทศเมียนมา 48 บริษัท หรือ 60% จากต่างประเทศ 32 บริษัท หรือ 40% ประกอบด้วย ไทย สิงคโปร์ อินเดีย ฮ่องกง และอินโดนีเซีย ประเภทสินค้าที่จัดแสดงและสินค้าที่มีศักยภาพ ได้แก่ อาหารสำเร็จรูป น้ำปรุงรส ผลไม้แปรรูป แฟรนไชส์ขนาดเล็ก เครื่องสำอาง และสินค้าเพื่อสุขภาพ มีจำนวนผู้เข้าชมงาน 3,758 คน ประเมินว่าจากการเจรจาธุรกิจของภาคเอกชนในภาพรวมของงาน คาดจะก่อให้เกิดมูลค่าการซื้อขายภายใน 1 ปี รวม 560 ล้านบาท

ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2559