อย่ากักตุนน้ำ! ยืนยัน ‘น้ำขวด’ มีเพียงพอ-ขึ้นราคาเจอโทษหนัก

อธิบดีการค้าภายใน เตือนประชาชนอย่าตื่นตระหนก กักตุนน้ำดื่มจากเหตุภัยแล้ง ยันมีเพียงพอ ด้าน รมว.ชี้ ปทุมธานีไม่ได้วิกฤติอย่างที่เป็นข่าว ขณะนี้มีการปล่อยน้ำลงคลองให้ไปผลิตน้ำประปาแล้ว...

เมื่อวันที่ 13 ก.ค.58 ภายหลังสถานการณ์ภัยแล้ง ทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคในหลายพื้นที่ ประชาชนเริ่มหาซื้อถังน้ำ ภาชนะ เพื่อเตรียมกักตุนน้ำ นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงกระแสข่าวประชาชนเริ่มกักตุนน้ำ จนทำให้น้ำดื่มบรรจุขวดยี่ห้อหนึ่งขาดตลาด ว่าได้สั่งการให้สำนักงานการค้าภายในจังหวัดติดตามสถานการณ์น้ำดื่ม เพื่อการบริโภคอย่างใกล้ชิด แต่เท่าที่ได้รับรายงานยังไม่พบการขาดแคลน และขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนกกักตุนน้ำดื่ม โดยยืนยันว่าน้ำดื่มบรรจุขวดยังมีอยู่อย่างเพียงพอ หากประชาชนวิตกซื้อเก็บไว้อาจทำให้เกิดการขาดแคลนได้

สำหรับกระแสข่าวว่าน้ำดื่มยี่ห้อหนึ่งขาดตลาดนั้น จากการติดตามของกรมฯ ยังไม่พบว่ามีการขาดแคลน แต่เป็นไปได้ในบางพื้นที่อาจมีปัญหาการขนส่ง และมีเหตุจำเป็น แต่ยืนยันว่าการหยุดจ่ายน้ำประปาในบางพื้นที่ของ จ.ปทุมธานี นั้น ไม่กระทบต่อปริมาณน้ำดื่มบรรจุขวดในตลาด และหากพบการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าให้แจ้งที่สายด่วน 1569 ผู้กระทำผิด มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์น้ำ กรมชลประทานยืนยันว่าน้ำในการอุปโภคและบริโภคจะไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงมาก และได้สั่งการให้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำดูแลภาพรวมทั้งประเทศ ไม่ให้เกิดผลกระทบจากภัยแล้ง โดยแนวทางในการแก้ไขปัญหา คือ พื้นที่ใดขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค จะส่งน้ำบาดาลเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งจะมีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทำงานด้วยกัน

“กระแสข่าวที่บอกว่า จ.ปทุมธานี ขาดแคลนน้ำประปา เพราะน้ำไม่พอผลิตนั้น จริงๆ แล้วไม่ได้วิกฤติอย่างที่เป็นข่าว เพราะวันนี้ทราบว่ามีการปล่อยน้ำลงคลองปกติ ทำให้ผลิตน้ำประปาได้ตามปกติแล้ว ซึ่งไม่อยากให้กังวลเกินไป และเชื่อว่าจะไม่เกิดการกักตุนน้ำดื่มอย่างแน่นอน”

รมว.พาณิชย์ กล่าวด้วยว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในลงพื้นที่ติดตามการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคที่อาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง เช่น ราคาพืชผัก และผลไม้ ซึ่งจะต้องเข้าไปดูว่าราคาผัก ผลไม้มีการเปลี่ยนแปลงมากเกินไปหรือไม่ หรือขายเกินระดับราคาที่เหมาะสม ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่า ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นจนผิดปกติ.

ข้อมูลและรูปภาพ : http://www.thairath.co.th/content/511386