จับตาฟองสบู่เศรษฐกิจจีนแตก ไทยหนีไม่พ้นระส่ำทั้งเมืองแน่!
จับตาฟองสบู่เศรษฐกิจจีนแตก ไทยหนีไม่พ้นระส่ำทั้งเมืองแน่!
ซีกโลกตะวันออก ที่มีชาติมหาอำนาจอย่าง “แดนมังกร” เป็นผู้ครอบครองกำลังเกิดอาการซวนเซ จากภาวะเศรษฐกิจ ที่กำลังเผชิญปัญหาชะลอตัวลง ท่ามกลางความหวาดวิตกไปทั่วโลกว่า…วิกฤติเงินกู้และความขัดแย้งของ “กรีซ” และ “สหภาพยุโรป” หรืออียู จะกลายเป็นต้นเหตุสำคัญ จนทำให้ “เศรษฐกิจโลก” ต้องแตกเป็นเสี่ยง ๆ จากระบบเศรษฐกิจอียูที่จะพังครืนลงมา หากกรีซ ต้องหลุดจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มอียู แต่ในอีกซีกโลกหนึ่ง! ซีกโลกตะวันออก ที่มีชาติมหาอำนาจ อย่าง “แดนมังกร” เป็นผู้ครอบครอง กำลังเกิดอาการซวนเซ จากภาวะเศรษฐกิจ ที่กำลังเผชิญปัญหาชะลอตัวลง รวมไปถึงความผันผวนของตลาดหุ้นจีนอย่างต่อเนื่อง จนปรับตัวลดลงอย่างหนักกว่า 30% ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดากูรูบอกจีนน่ากลัว ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้บรรดานักเศรษฐศาสตร์ บรรดากูรูเศรษฐกิจ ต่างหันมาจับตามอง พร้อมทั้งลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า “น่ากลัว!!” และเป็นเหตุการณ์ที่ทั่วโลกต้องให้ความสำคัญ ต้องจับตา จับจ้อง มากกว่าวิกฤติเงินกู้กรีซเสียแล้ว เพราะหากในวันใด ที่ “ฟองสบู่” เศรษฐกิจจีน “แตก” ขึ้นมาล่ะก็ วันนั้นต่างหาก ที่เศรษฐกิจโลกต้องสะเทือน!! ทั้งนี้เพราะ “จีน” เป็นชาติมหาอำนาจ อันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกา ที่สำคัญ ยังมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่มากถึง 17.63 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็น 16.48% ของเศรษฐกิจโลก โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เองยังระบุว่า เป็นการวัดจากอำนาจกำลังซื้อกว่า 1,400 ล้านคน รวมทั้งนำอัตราเงินเฟ้อของแต่ละประเทศมาเปรียบเทียบ ซึ่งถือว่าแซงหน้าสหรัฐ ที่มีเพียง 17.41 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 16.28% ของเศรษฐกิจทั้งโลก ที่สำคัญ…จีนยังเป็นชาติคู่ค้ารายใหญ่ของทั้งสหภาพยุโรปและสหรัฐ ดังนั้น หากเศรษฐกิจจีนทรุด แน่นอนว่าย่อมส่งผล กระทบกับสหภาพยุโรปและสหรัฐ ด้วยเช่นกัน ไม่เพียงเท่านี้บรรดาสถาบันการเงินรายใหญ่ของสหรัฐ ยังเข้าไปเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจีนอย่างมากมายจนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เศรษฐกิจเริ่มแววชะลอ ขณะที่เศรษฐกิจของแดนมังกรเอง ต่างมีปัญหาชะลอตัวลงจากเดิมที่เคยขยายตัวได้ในระดับกว่า 10% แต่ขณะนี้กำลังต้องเผชิญกับปัญหาสารพัด ทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงเรื่อย ๆ จนเหลือในระดับ 7.2% แล้ว แม้ว่าสัญญาณของฟองสบู่ในตลาดหุ้นเพิ่งเริ่มส่งสัญญาณให้เห็น และทางการจีนเอง ก็ได้ออกมาตรการมาสกัดความหายนะที่อาจเกิดขึ้น กับตลาดหุ้นจีนแล้วก็ตาม แต่หลายคน หลายฝ่าย ยังมั่นใจไม่ได้ว่าจะฉุดรั้งไว้ได้นานเท่าใด นอกจากนี้ ปัญหาหนี้สินของจีน ที่เกิดจากรัฐบาลท้องถิ่นเอง ก็ยังมีอยู่จำนวนมหาศาล จนพันพัวไปกระทบถึงเศรษฐกิจในประเทศ รวมทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนเอง ที่เติบโตมากจนใครหลายคนต่างหวาดหวั่นว่า จะแตกโพละออกมาเมื่อใด? ดังนั้น หากเศรษฐกิจแดนมังกรแตกนั่น…หมายความว่าเศรษฐกิจโลก ที่เวลานี้ยังฟื้นตัวแบบมีปัญหา ก็จะยิ่งมีปัญหาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ! ลุ้นระทึกถึงเวลาเผาจริง และนั่น…จะถึงเวลา “เผาจริง” ของเศรษฐกิจไทย!! หากไม่สามารถหามาตรการออกมารองรับได้ทันท่วงที เพราะทุกวันนี้โครงสร้างของเศรษฐกิจไทย ยังต้องพึ่งพารายได้หลัก จากภาคส่งออกกว่า 70% โดยเฉพาะการส่งออกไปจีน ที่มีสัดส่วนมากถึง 12-13% ของการส่งออกรวมทั้งหมด ด้วยเพราะปัญหาเศรษฐกิจโลกในเวลานี้ ที่ยังฟื้นตัวแบบไม่สะเด็ดน้ำ รวมทั้งราคาน้ำมันโลก ที่ดิ่งเหวลงเป็นประวัติการณ์ อีกทั้งราคาสินค้าเกษตรโลก ยังไม่กระเตื้องขึ้น ทำให้ภาคการส่งออกของไทย เรียกได้ว่า เวลานี้กำลังจมน้ำ!! จนสำนักวิจัยหลายแห่ง ต่างออกมาประเมินสถานการณ์การส่งออกไทยในปี 58 นี้ว่าอาจติดลบ หลังจากเห็นสัญญาณ เห็นแนวโน้มแล้วว่า “ร่อแร่” เพราะตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่ เดือน ม.ค.-พ.ค. ตัวเลขยอดส่งออกไทยติดลบไปแล้ว 4.20% โดยมีมูลค่าส่งออกเพียง 2.87 ล้านล้านบาทเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การส่งออกไปตลาดอาเซียนทั้ง 5 ประเทศหลัก ที่หดตัวหนักที่สุด โดยติดลบ 10.5% และยังติดลบต่อเนื่องจากปีก่อน ที่ติดลบอยู่ 3.9% ตามมาด้วยตลาดจีน ที่ติดลบ 8.2% ขณะที่ปีก่อน ก็ติดลบเช่นกัน 7.9% หลังเศรษฐกิจจีนชะลอตัวรุนแรงกว่าที่คาด ขณะที่ตลาดญี่ปุ่น ก็ติดลบ 7.1% หรือแม้แต่ตลาดสหภาพยุโรป ที่ก็ติดลบ 6% เช่นกัน ไม่เพียงเท่านี้ การส่งออกไทย ยังคงติดลบต่อเนื่องมานานกว่า 2 ปีแล้ว ตั้งแต่ปี 56 ที่ติดลบ 0.3% ต่อเนื่องมาจนถึงปี 57 ที่ติดลบ 0.45% และยังมีวี่แววที่จะติดลบยาวมาในปี 58 นี้ อีก 1-2% ด้วยทีเดียว ดิ้นทุกทางรักษาส่งออก แม้ว่ากระทรวงพาณิชย์ ยังมั่นอก มั่นใจ ว่าแผนการเร่งตลาดส่งออก ในช่วงครึ่งปีที่เหลือต่อจากนี้ จะช่วยทำให้การส่งออกไทย สามารถเติบโตได้อย่างน้อย 1.2% ทั้งการเร่งส่งออกไปยังตลาดสหรัฐ ที่กำลังฟื้นตัวให้มากขึ้น ขณะที่ตลาดจีนนั้น ยังคงรักษาการส่งออกเหมือนเดิม และเน้นทำตลาดไปยังเมืองใหญ่ใหม่ ๆ ให้เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงการออกไปเยือนตลาดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มปริมาณการค้าระหว่างกันให้มากขึ้นก็ตาม แต่ ณ เวลานี้ เศรษฐกิจโลกยังยืนอยู่บนความเสี่ยง ยังยืนอยู่บนเส้นด้าย ที่อาจขาดผึงลงในวันใดก็ได้ ซึ่งหากเศรษฐกิจโลกมีปัญหา ย่อมเป็นลูกโซ่ที่ทำให้เศรษฐกิจไทย “เดี้ยง” ตามไปด้วยเช่นกัน! ขณะที่การส่งออกของไทยยังดิ่งเหว ดังนั้น การจะหวังพึ่งเศรษฐกิจโลก ก็ถือว่ายังเป็นความเสี่ยง ส่วนการจะหันมาเน้นพึ่งพิงเศรษฐกิจในประเทศ ก็ดูจะช่วยเหลืออะไรได้ไม่มากนัก เพราะเวลานี้ สารพัดปัญหา กำลังถาโถมเข้าใส่เศรษฐกิจไทย อย่าง ไม่หยุดยั้ง ไม่ว่าจะเป็นกำลังซื้อในประเทศ ที่รัฐบาลของ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ได้พยายามหามาตรการต่าง ๆ ออกมากระตุ้น แต่ก็ยังไม่ได้ดั่งใจ พายุร้ายโถมกระหน่ำ มิหนำซ้ำ...ยังถูกซ้ำเติม จากปัญหาภัยแล้ง ที่สำทับให้รายได้ของชาวไร่ ชาวนา ยิ่งตกต่ำมากเข้าไปอีก จนหลายฝ่ายมองว่า อย่างน้อยจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยกว่า 0.5% ไหนจะถูกกีดกันการค้าจากการไร้มาตรฐานในการทำประมง ที่หากไม่สามารถทำได้ตามมาตรฐานของยุโรปแล้ว การส่งออกอาหารทะเลทุกประเภทของไทย จะถูกกีดกันจากยุโรปทันที ไหนจะมีปัญหาเรื่องของมาตรฐานอุตสาหกรรมการบิน ที่ยังถูกปักธงแดง จากองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือไอซีเอโอ หากยังแก้ไขไม่ได้ ตามเงื่อนไขภายในปลายปีนี้ ยิ่งส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงกับเศรษฐกิจไทยเข้าไปอีก แม้ความหวังในเรื่องของการลงทุน ที่รัฐบาลได้ตั้งความหวัง ให้เป็นตัวดึงดูดการลงทุนจากภาคเอกชน ก็ไม่สามารถเดินหน้าได้ตามที่ตั้งใจ เพราะการเบิกจ่ายเงินงบประมาณการลงทุนของรัฐ ยังเดินหน้าไม่ได้ตามเป้าหมาย จะด้วยกระบวนการ วิธีการ หรือเหตุผลใดก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าความตั้งใจแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ กลับไม่เป็นไปตามความหวังของรัฐบาล วันนี้ เศรษฐกิจไทยเดินหน้าไปแล้วครึ่งทาง อีกครึ่งทางที่เหลือ คงต้องรอพิสูจน์ฝีมือการบริหารของรัฐบาล “พล.อ. ประยุทธ์”ว่า จะสามารถนำพาให้ชาติไทย หลุดพ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจได้หรือไม่?.
|

Comment
New!

สถาปนิก 68 ทบทวนทิศทาง Past Present Perfect

หากท่านอยู่ในอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี ไม่ควรพลาดงานนี้ !! งาน Thailand Oil & Gas Roadshow 2024

สถาปนิก’68 ทบทวนทิศทาง Past Present Perfect

แบรนด์ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างชั้นนำกว่า 600 บริษัท ตบเท้าร่วมงานสถาปนิก’67 พร้อมโชว์นวัตกรรมสุดล้ำ
Popular

ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน

สินค้าส่งออกสำคัญ 10 อันดับแรกของไทย

การส่งกำลังโดยใช้สายพาน

ประเภทสกรูและน็อต อุตสาหกรรม