สังขละบุรี เมืองสวยในม่านหมอก

"ชวนสัมผัสเมืองสวยในม่านหมอก สังขละบุรี แล้วคุณจะหลงรัก"

เมย์ช่างภาพผู้รักการถ่ายภาพและการท่องเที่ยว ผู้อยู่เบื้องหลังบล็อกและ www.adaytochill.com และ www.facebook.com/adaytochillthailand ที่ที่เป็นเสมือนไดอารีและแกลเลอรีส่วนตัว  ซึ่งได้รวบรวมบันทึกการเดินทางและภาพถ่ายสวยๆ จากแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ  ที่ได้ไปเยือน มาแชร์ให้เพื่อนๆ ผู้รักการเดินทางได้ติดตามและฟินไปด้วยกัน

หลังจากเก็บเสื้อผ้าเก็บข้าวของเรียบร้อย ก็ได้เวลาล้อหมุนเสียที เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ตั้งแต่เช้า ขับรถไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รีบเร่ง เปิดเพลงฟังเบา ๆ ตลอดทาง ตระเตรียมเสบียงไว้เต็มรถ เพราะระยะทางที่จะต้องไปนั้นยังอีกยาวไกล

จุดหมายปลายทางในครั้งนี้คือเมืองสวยในม่านหมอก “สังขละบุรี” นั่นเองค่ะ

ตั้งใจไว้หลายครั้งหลายหนแล้วว่าอยากจะมาชม “สะพานมอญ” ให้เห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง สะพานมอญ คือสะพานไม้ที่สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาของ ชาวบ้านที่นี่ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวทั้งสิ้น 850 เมตร แถมยังเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับสองของโลก เป็นรองก็แค่สะพานไม้อูเบ็งในเมียนมาเท่านั้น สะพานมอญเป็นสัญลักษณ์หลักของเมืองสังขละบุรี ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจาก ทุกสารทิศให้เดินทางมาสัมผัสความงามและความศรัทธาในการก่อสร้างสะพานแห่งนี้ และเราก็เป็นหนึ่งในนั้น หลายคนเรียกสะพานไม้แห่งนี้จนติดปากว่าสะพานมอญ แต่ทราบหรือไม่ว่าชื่อจริงอย่างเป็นทางการของสะพานไม้แห่งนี้คือสะพานอุตตมานุสรณ์ สร้างโดยดำริของหลวงพ่ออุตตมะแห่งวัดวังก์วิเวการาม

และแล้วก็ผ่านไปถึง 5ชั่วโมงกับการเดินทางจากกรุงเทพฯ มายังตัวเมืองกาญจนบุรี และเดินทางต่อมาจนถึงอำเภอสังขละบุรีในที่สุดก็ถึงที่หมายปลายทางสักที เราขับรถวนรอบ ๆ เมืองเพื่อมองหาที่พักสำหรับค่ำคืนที่กำลังจะมาถึง ที่พักที่นี่มีตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพัน สำหรับเรามองหาที่พักที่มีที่จอดรถได้ก็เป็นอันเสร็จ เก็บข้าวของเข้าที่พักเรียบร้อยก็ออกไปเดินเล่นหาอะไรทานที่ตลาดสดสังขละบุรี ที่นี่เป็นแหล่งรวมผู้คนนานาชาติเลย ทั้งไทย มอญ เมียนมา ต่างชาติเพียบ

สิ่งที่แปลกตาที่เห็นในตลาดคือจิ้มจุ่มพม่า จะเป็นเนื้อหมู เครื่องในหมูหั่นชิ้นพอดีคำเสียบไม้ยาวๆ ไว้ แช่อยู่ในหม้อที่มีซุปสไตล์เมียนมา ขายไม้ละหนึ่งบาท ไม่แน่ใจว่าต้องกินกี่ไม้ถึงจะอิ่ม ฮ่า

เมื่อเติมพลังกันเรียบร้อยก็ออกไปล่องเรือเที่ยวรอบเมืองบาดาลในยามเย็น ช่วงที่มาเที่ยวฝนตกปรอยๆ เป็นบางช่วง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคกับเราในการเที่ยวครั้งนี้ ระหว่างล่องเรือสัมผัสได้ถึงความสงบของเมืองสังขละบุรีได้อย่างเต็มที่ อากาศดี เย็นสบาย สูดหายใจได้เต็มปอด ชื่นใจมาก รับรู้ได้ถึงการมาพักผ่อนเลยค่ะ

กลับเข้าฝั่งก็เดินเล่นชมสะพานมอญที่เป็นแรงผลักดันให้มาเที่ยวที่นี่ ของจริงนั้นสวยงามมาก เป็นอะไรที่คลาสสิกสุดๆ คืนนั้นเรารีบเข้านอน เพื่อที่จะได้มีแรงตื่นมาตักบาตรในตอนเช้าที่สะพานมอญ กิจกรรมหลักที่ไม่ควรพลาดเลย

ตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็เดินฝ่าหมอกหนาๆ อากาศเย็นๆ จากที่พักไปถึงสะพานมอญ มีร้านค้ามากมายที่นำกับข้าวอาหารแห้ง และดอกไม้ สิ่งจำเป็นสำหรับการใส่บาตรมาตั้งโต๊ะขายอยู่เรียงราย เราเลือกมาหนึ่งชุดและไปต่อแถวเพื่อใส่บาตรพระ การตักบาตรที่นี่ดีมากๆ เพราะมีที่กรวดน้ำให้ด้วย ตักบาตรเสร็จ รับพรเสร็จ ก็ไปกรวดน้ำใต้ต้นไม้ใหญ่แถวนั้นเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลต่อได้

เสร็จจากกิจกรรมตักบาตรแล้วก็ได้เวลาเดินเล่นบนสะพาน ชมวิวไปเรื่อยๆ ช่วงเช้าต้องขอบอกเลยว่าอากาศดีมาก ๆ หมอกเคลื่อนตัวต่ำลงมาปกคลุมสะพาน บ้านเรือน แพที่ลอยอยู่ในน้ำเป็นอะไรที่สวยงามมาก เห็นภาพแบบนี้ต้องขอเรียกสังขละบุรีว่าเมืองสวยในม่านหมอกเลยค่ะ

สะพานไม้ที่กำลังเดินอยู่นี่สร้างขึ้นมาใหม่เมื่อไม่นานมานี้ นั่นเพราะเมื่อปี 2556 สะพานมอญได้ขาดเป็นสองท่อนเนื่องจากฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน จากนั้นได้สร้างขึ้นใหม่อีกครั้งด้วยความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านและทหารช่างจากกองพลทหารราบที่ 9 หากใครมาเที่ยวที่สังขละบุรีนับตั้งแต่นี้ จะเห็นสะพานสองสะพานขนานกันบนและล่าง ที่อยู่ด้านบนเป็นสะพานหลักคือสะพานมอญ และด้านล่างคือสะพานแพที่ชาวบ้านช่วยกันสร้างขึ้นไว้ใช้ชั่วคราวเมื่อตอนที่สะพานหลักพัง ครั้นเมื่อซ่อมสะพานเสร็จแล้วก็ยังคงเก็บไว้อยู่จนถึงทุกวันนี้

หลังจากซึมซับความงามของสะพานและเสน่ห์ของเมืองสังขละบุรีไว้อย่างเต็มที่แล้ว ก็ถึงเวลาที่จะต้องเดินทางกลับบ้านกัน ทริปนี้ถือเป็นทริปแห่งการพักผ่อนที่คุ้มค่ามาก หลีกหนีจากความวุ่นวายมาพักผ่อนในที่สงบ แค่มีวันหยุด เสาร์ อาทิตย์ ก็มาเที่ยวได้สบายมากค่ะ

สังขละบุรี : เมืองสวยในม่านหมอก
เรื่องและภาพ A Day To Chill

ข้อมูลและรูปภาพ : http://travel.edtguide.com/