ปั้น “เบตง” เจาะนักท่องเที่ยวจีน ผุด “สกายวอล์ก” ทะเลหมอก

2.4K



ปั้น “เบตง” เจาะนักท่องเที่ยวจีน ผุด “สกายวอล์ก” ทะเลหมอก

หากการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตงเสร็จสิ้นในปี 2563 มีความเป็นไปได้สูงที่จะทำให้อำเภอเบตง จังหวัดยะลา กลายเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่น่าสนใจแห่งใหม่ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะคนจีน เนื่องด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม และอาหาร รวมไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ที่สร้างรายได้ให้ชุมชนเป็นจำนวนมาก

โดยไฮไลต์สำคัญของอำเภอเบตงอยู่ที่ “ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง” ซึ่งเป็นทะเลหมอกที่สามารถชมได้ตลอดทั้งปี โดยอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราว 2,000 ฟุต ท่ามกลางผืนป่าขนาดใหญ่ในพื้นที่ภูเขาไมโครเวฟ

“มนเทียร แตปูซู” อดีตกำนันตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ผู้บุกเบิกพื้นที่ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง กล่าวว่า ปัจจุบันทะเลหมอกอัยเยอร์เวงเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวมาเลเซีย โดยในวันหยุดสุดสัปดาห์มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาถึง 1,000 คน/วัน ในขณะที่วันธรรมดาอยู่ที่ประมาณ 200-300 คน/วัน และมีการขยายตัวของการให้บริการโฮมสเตย์ โดยประชาชนในพื้นที่เพิ่มเป็น 30 กว่าแห่ง เฉลี่ยแห่งละ 5-6 ห้องพัก

ทั้งนี้ ทางจังหวัดได้จัดสรรงบประมาณ จำนวน 91 ล้านบาทมาใช้ในการก่อสร้าง “สกายวอล์กพื้นกระจก” ล้วน ยื่นออกไปจากหน้าผาราว 60 เมตร มีการเซ็นสัญญาก่อสร้างแล้ว ตามแผนจะเริ่มดำเนินการกลางปี 2561 และคาดว่าแล้วเสร็จใน 2562 รองรับท่าอากาศยานเบตงที่จะเปิดใช้ในปี 2563 ได้

แหล่งข่าวในพื้นที่เปิดเผยว่าเบตงนั้นได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่านักท่องเที่ยวไทย เนื่องจากนักท่องเที่ยวไทยยังมีความกังวลในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างภาครัฐและกลุ่มผู้เห็นต่าง แต่หากการก่อสร้างท่าอากาศยานเบตงแล้วเสร็จ อาจทำให้นักท่องเที่ยวไทยเดินทางมามากขึ้น เพราะสามารถบินตรงจากท่าอากาศยานดอนเมืองมาที่อำเภอเบตงได้โดยตรง

อุโมงค์คอมมิวนิสต์ดึง นทท.

“สิวพงษ์ พิทักษ์ทักษิณ” ประธานชุมชนวัดปิยมิตร เล่าว่า อุโมงค์ปิยมิตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในอำเภอเบตง และมีวิสาหกิจชุมชนวัดปิยมิตรเป็นผู้ดูแล โดยในปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวชาวจีน มาเลเซีย สิงคโปร์ให้ความสนใจเดินทางมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเกือบ 200,000 คน/ปี แบ่งเป็นอัตราส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 90% และนักท่องเที่ยวไทย 10% และเป็นรายได้เข้าสู่วิสาหกิจชุมชน 14 ล้านบาท/ปี และอาจเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต โดยทางศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้มีการติดต่อกับทางรัฐบาลจีนเพื่อดึง

นักท่องเที่ยวจีนบริเวณคุนหมิงเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีเนื่องจากชุมชนวัดปิยมิตรเป็นคนไทยเชื้อสายจีน-มาเลเซียที่สามารถสื่อสารภาษาจีนกลางได้

ทั้งนี้ วิสาหกิจชุมชนวัดปิยมิตรได้เสนอของบจากภาครัฐจำนวน 6 ล้านบาทจัดสร้างศูนย์บริการนักท่องเที่ยวเพิ่ม เพื่อรองรับปริมาณนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น รวมถึงเตรียมจัดทำโฮมสเตย์รองรับ นอกจากนี้ในทุกช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปีทางชุมชนจะจัดเทศกาลชิมผลไม้ฟรี ได้แก่ ทุเรียนหมอนทอง ทุเรียนพวงมณี และมังคุด ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมาก

ปลาท้องถิ่นสร้างรายได้

“ชนธัญ นฤเศวตานนท์” ผู้เลี้ยงปลา กลุ่มผู้เลี้ยงปลาบ้านบ่อน้ำร้อน อำเภอเบตง จังหวัดยะลา กล่าวว่า นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เข้ามายังนิยมบริโภคปลากือเลาะห์ หรือปลาพลวงชมพู ถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน นิยมซื้อกลับไป โดยมีราคาขายสูงถึง 2,000-3,000 บาท/กิโลกรัม ทั้งนี้ ราคาปลากือเลาะห์ในตลาดปลายทางอย่างไต้หวันอาจสูงถึง 8,000-15,000 บาท/กก. ทำให้ผู้เลี้ยงปลาพลวงชมพูมีรายได้ประมาณ 1 ล้านบาท/ปี

แม้จะมีรายได้ดี แต่ไม่สามารถขยายการผลิตได้ เนื่องจากปลากือเลาะห์เป็นปลาที่มีรูปแบบการเลี้ยงแตกต่างจากปลาชนิดอื่น โดยต้องเลี้ยงในระบบน้ำไหล หรือใช้แหล่งน้ำธรรมชาติ โดยการสร้างแอ่งน้ำตกจำลอง เพื่อให้เกิดออกซิเจน ทั้งนี้ พันธุ์ปลากือเลาะห์จะถูกผสมโดยกรมประมง แต่ทำได้ในจำนวนจำกัดทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาได้รับปลาเพียง 300 ตัว/ราย ซึ่งหากเกษตรกรสามารถเพาะพันธุ์เองได้จะทำให้ขยายการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรกล่าวได้ว่าการท่องเที่ยว “เบตง” ในฐานะไชน่าทาวน์ชายแดนกำลังฮอตในหมู่นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จำเป็นอย่างยิ่ง

ที่ต้องเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวที่จะหลั่งไหลเข้ามา และประเด็นสำคัญอย่างยิ่งคือ เรื่องความไม่สงบในพื้นที่ โดยเฉพาะ “ความเห็นต่าง” ของประชาชนบางส่วนในพื้นที่ซึ่งยังคุกรุ่นอยู่

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : www.prachachat.net

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

sendLINE

Comment