ขั้นตอนการดูแลรถยนต์เบื้องต้นแบบง่ายๆ ที่คุณต้องรู้ ไม่งั้นอาจต้องเสียเงินไปฟรีๆ
การดูแลรักษารถยนต์ สำหรับบางคนคงเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก เพราะเคยผ่าน หรือมีประสบการณ์กันมาบ้างแล้ว แต่กับบางคนที่ขับเป็นอย่างเดียว เรื่องการดูแลรักษาก็อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ไม่คุ้นชิน และทำอะไรไม่ถูก ทำไม่เป็น ซึ่งเรื่องแบบนี้สามารถฝึก หรือเรียนรู้กันได้ไม่ยาก หากทำบ่อยๆ ก็จะคุ้นชิน และจดจำไปได้เอง
สำหรับเรื่องในครั้งนี้ ถือเป็นสิ่งที่คนมีรถจำเป็นที่จะต้องรู้ในเบื้องต้น เพื่อนำไปใช้ดูแลรักษารถยนต์ให้มีสมรรถภาพสมบูรณ์ มีอายุในการใช้งานยาวนาน และมีความปลอดภัยขณะขับขี่
สิ่งจำเป็นที่คุณควรรู้ และตรวจเช็กเกี่ยวกับรถยนต์เบื้องต้นมีอยู่ 5 ข้อ ดังนี้
รูปภาพจาก : http://www.letzdrive.com/wp-content/uploads/2012/10/oil-dipstick1.jpg
1. เช็กน้ำมันเครื่อง ตรวจดูอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง และสังเกตดูว่าระดับน้ำมันเครื่องอยู่ในเกณ์ปกติหรือไม่ เพราะหากระดับต่ำ หรือสูงกว่ากำหนด เครื่องจะมีปัญหา นอกจากนี้ควรตรวจดูด้วยว่า มีรอยรั่วซึมจากปั๊มเพาเวอร์ ฝาครอบวาล์ว และจานจ่ายหรือไม่
ขั้นตอนการตรวจเช็กน้ำมันเครื่อง
1.1 จอดรถในพื้นที่ราบเรียบ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์ และรอให้เครื่องยนต์ทำงานจนถึงระดับอุณหภูมิทำงาน จึงค่อยดับเครื่องยนต์ (ติดเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 5 – 10 นาที)
1.2 หลังจากดับเครื่องยนต์ 2 – 5 นาที จึงค่อยดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องขึ้นมา แล้วเช็ดออก
1.3 ใส่ก้านวัดน้ำมันเครื่องกลับไปที่เดิม แล้วดึงออกมาอีกครั้งเพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องที่ปลายก้าน
1.4 ดูระดับน้ำมันเครื่องว่าอยู่ระหว่าง F กับ L หรือระหว่างขีดบนกับขีดล่างหรือไม่ ถ้าอยู่ระหว่างนี้แปลว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ
รูปภาพจาก : http://www.gmforum.com/howto/tech-info/t278810/PB270055.jpg
2. เช็คน้ำมันเกียร์ ควรตรวจเช็กอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง หรือถ้าไม่มีเวลาก็เดือนละครั้ง เพราะหากปล่อยให้น้ำมันเกียร์แห้งจนเกียร์พัง คุณจะร้องไม่ออก โดนค่าซ่อมบานตะไทแน่นอน
ขั้นตอนการตรวจเช็กน้ำมันเกียร์
2.1 จอดรถในพื้นที่ราบเรียบ และดึงเบรกมือเพื่อป้องกันรถเคลื่อน หรืออันตราย
2.2 เหยียบเบรกค้างไว้ แล้วจึงค่อยเลื่อนเกียร์จากตำแหน่ง P มายังตำแหน่ง R แล้วค้างไว้ประมาณ 5 วินาที จากนั้นจึงเลื่อนลงมาทีละเกียร์ และค้างไว้เกียร์ละ 5 วินาที จนครบทุกเกียร์ แล้วจึงค่อยเลื่อนกลับมาที่เกียร์ P ดังเดิม
2.3 เปิดฝากระโปรง โดยไม่ต้องดับเครื่องยนต์ และปล่อยให้เครื่องเดินเบาอีกประมาณ 2 นาที แล้วชักก้านวัดน้ำมันเกียร์ออกมา แล้วเช็ดด้วยผ้าสะอาด จากนั้นให้เสียบกลับลงไปให้สุดแล้วดึงออกมาทันที
2.4 ระดับน้ำมันเกียร์ปกติ ต้องอยู่ในช่วงระหว่างคำว่า HOT แต่หากน้ำมันเกียร์ต่ำ หรือเกิน ให้นำรถเข้าอู่ทันที แล้วทำการตรวจเช็กแบบละเอียด ไม่เช่นนั้นเกียร์อาจมีปัญหาได้
รูปภาพจาก : http://www.killorglindrivingschool.com/wp-content/uploads/2016/02/Brake-Fluid-Level-Check.jpg
3. เช็คน้ำมันเบรค ระดับของน้ำมันเบรกควรอยู่ระหว่างขีด MIN กับ MAX ถ้าจะให้ดีที่สุด ควรแตะระดับ MAX ไปเลย ที่สำคัญอย่าปล่อยให้น้ำมันเบรกขาด หรือแห้งเด็ดขาด เพราะนอกจากระบบเบรกจะเสียแล้ว ยังอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตขณะขับขี่อีกด้วย และควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกทุกๆ 25,000 กิโลเมตร
ขั้นตอนการตรวจเช็กน้ำมันเบรก
3.1 ใช้น้ำมันเบรกยี่ห้อ และรุ่นเดิมในการเติม หากไม่ทราบให้ดูที่คู่มือรถ หรือสอบถามศูนย์บริการของรถยนต์ยี่ห้อนั้นๆ
3.2 จัดการเปิดฝากระปุกน้ำมันเบรก แล้วเทลงไปจนถึงเส้นไข่ปลา หรือขีด MAX จากนั้นปิดฝากระปุกน้ำมันเบรกให้เรียบร้อย
(***ข้อควรระวัง อย่าให้น้ำมันเบรกโดนสีรถเด็ดขาด เพราะมันสามารถทำลายสีรถได้)
รูปภาพจาก : http://1.cdn.lib.americanmuscle.com/files/2015-install-guide-images/77753-cust/lucas-power-steering-fluid-002.jpg
4. เช็คน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ ควรตรวจเช็กอย่างน้อยเดือนละครั้ง และสามารถเช็กได้ในขณะที่เครื่องยังเย็นอยู่ นอกจากนี้ระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ที่ถูกต้อง ควรอยู่ระหว่างขีดบน MAX และ ขีดล่าง MIN (สามารถดูได้ที่ด้านข้างของกระปุกน้ำมัน) ไม่ควรเติมเกินขีดบนสุด และไม่ควรปล่อยให้น้ำมันต่ำกว่าขีดล่างสุด ไม่งั้นอาจทำให้ระบบเพาเวอร์พัง หรือเสียหายได้
ขั้นตอนการตรวจเช็กน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
4.1 ใช้น้ำมันที่มีมาตรฐาน หรือเลือกใช้ยี่ห้อ และรุ่นเดิมในการเติม
4.2 เปิดฝากระปุกน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ แล้วค่อยๆ เทน้ำมันลงไปช้าๆ ระวังอย่าให้น้ำมันหก หรือถ้าหก ให้รีบทำความสะอาดทันที เพื่อป้องกันความเสียหายของชิ้นส่วนเครื่องยนต์อันอื่นๆ
4.3 เทเติมให้ถึงระดับที่กำหนด (ขีด MAX) แล้วจัดการปิดฝากระปุกน้ำพวงมาลัยเพาเวอร์ให้เรียบร้อย
(***หากพบว่าระดับน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ลดต่ำลงบ่อยๆ ผิดปกติ อาจเป็นเพราะมีรอยรั่วในระบบ ให้รีบนำรถเข้าไปตรวจสอบที่อู่ หรือศูนย์บริการทันที)
5. เช็คน้ำมันคลัทช์ ตรวจดูว่าน้ำมันต่ำกว่าขีดที่กำหนดหรือไม่ และระดับน้ำมันคลัตท์ควรอยู่ที่ระดับ MAX เท่านั้น หากพบว่าระดับน้ำมันลดต่ำลง ให้รีบนำรถเข้าอู่ หรือศูนย์บริการทันที
ทั้งหมดนี้คือสิ่งจำเป็นที่จะต้องตรวจเช็กให้เรียบร้อย อย่าปล่อยปละละเลยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจทำให้เสียเงินซ่อมทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น นอกจากนี้หากหมั่นตรวจเช็กบ่อยๆ ก็จะทำให้เกิดความชำนาญ และมันก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายๆ ที่คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง
ที่มาข้อมูลจาก : auto.sanook.com
อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ : http://auto.sanook.com/56337
THAIPURCHASING.com !!! มี LINE Official แล้วรู้ยัง
สอบถามหาข้อมูลสินค้าหรือกิจกรรมต่างๆของเรา ได้ทุกวันผ่าน
กดถูกใจ FanPage เพื่อติดตามกิจกรรมของเราได้ที่ :
Facebook.com/thaipurchasing.tensho

Comment
New!

สถาปนิก 68 ทบทวนทิศทาง Past Present Perfect

หากท่านอยู่ในอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี ไม่ควรพลาดงานนี้ !! งาน Thailand Oil & Gas Roadshow 2024

สถาปนิก’68 ทบทวนทิศทาง Past Present Perfect

แบรนด์ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างชั้นนำกว่า 600 บริษัท ตบเท้าร่วมงานสถาปนิก’67 พร้อมโชว์นวัตกรรมสุดล้ำ
Popular

ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน

สินค้าส่งออกสำคัญ 10 อันดับแรกของไทย

การส่งกำลังโดยใช้สายพาน

ประเภทสกรูและน็อต อุตสาหกรรม