ผู้ขับขี่รถยนต์บนท้องถนนมีมากขึ้นเรื่อยๆ ไฟหน้ารถเลยมีการปรับความสว่างจ้าจนบางครั้งเกินความจำเป็น ที่สาดส่องมาจากรถที่วิ่งอยู่บนถนนเส้นเดียวกัน ไฟตัดหมอก อุปกรณ์แต่งรถที่กำลังเป็นแฟชั่นระบาดไปทั่วทั้งรถเก๋ง และรถปิกอัพ คือ ที่มาของแสงสว่างจ้าบนท้องถนนยามค่ำคืน
การเปิดไฟตัดหมอกอาจดูเท่ในสายตาเจ้าของรถ แต่สำหรับผู้ขับขี่ที่โดนแสงไฟตัดหมอกที่ เปิดในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม สาดใส่แล้วละก็กลับกลายเป็นความทุกข์ที่ส่งผลต่อทัศนวิสัยในการมองเห็น และต้องจำทนกับสภาพนี้โดยทำอะไรไม่ได้มากนอกจากขับหนี หรือปล่อยให้แซงหน้าไป
จากการใช้งานในช่วงเวลาที่ผิดนี้เอง อาจทำให้คุณประโยชน์ที่มีมหาศาลของไฟตัดหมอก กลายเป็นแค่สินค้าแฟชั่น ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายและอุบัติเหตุแก่รถยนต์คันอื่นบนท้องถนนได้
“ไฟตัดหมอก” ถือกำเนิดขึ้นมาในแถบประเทศที่มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูง อากาศหนาว หรือประเทศที่เป็นเกาะล้อมรอบด้วยน้ำทำให้มีฝนตกบ่อยตลอดทั้งปี มีบรรยากาศที่ขมุกขมัวหรือมีหมอกเป็นส่วนมาก ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการใช้ยานพาหนะจึงมีการคิดค้นไฟตัดหมอกขึ้นมา
ไฟตัดหมอกจะ ใช้ไฟที่ให้ความสว่างสูง ส่วนใหญ่หลอดจะเป็นสปอตไลท์ ส่องในระนาบขนานกับพื้นถนนหรือตกพื้นในระยะไกล ดังนั้นความสว่างจึงมีมากและส่องได้ไกลกว่า โดยเฉพาะในยามที่ฝนตกหนัก หรือหมอกลงจัด
หลอดไฟหน้าปกติถ้าเปิดส่องในขณะที่หมอกจัด มุมที่เอียงลงต่ำทำให้เกิดมุมสะท้อนกลับสู่สายตาของผู้ขับขี่ จึงทำให้แสงที่ส่องผ่านไปมีน้อย หรือมองเห็นแค่ในระยะไม่เกิน 10 - 15 เมตร แถมแสบตากับแสงที่สะท้อนกลับ แต่ไฟตัดหมอกที่ ส่องแบบขนานพื้นจะไม่สะท้อนมาที่ห้องโดยสาร เพราะสามารถทะลุทะลวงได้มาก และสะท้อนกลับมาในมุมที่ไม่กระทบผู้ขับขี่ ทำให้มองเห็นได้ในระยะมากกว่า 30 - 80 เมตร
ในทำนองเดียวกัน เมื่อพื้นถนนเปียกหรือฝนหยุดตกใหม่ๆ ในตอนกลางคืน ไฟหน้าปกติที่ส่องลงผิวถนนจะถูกพื้นน้ำสะท้อนออกไปอีกมุมหนึ่ง ซึ่งบางครั้งแทบจะมองไม่เห็นผิวถนนด้วยซ้ำ แต่ไฟตัดหมอกที่ แทบจะไม่ส่องลงพื้นถนนยังสามารถมองเห็นผิวถนนในระยะสายตาได้อย่างชัดเจน ซึ่งในแถบประเทศเขตเมืองหนาวได้ออกกฎบังคับให้รถทุกคัน ต้องมีไฟตัดหมอกเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ปัจจุบันคนไทยนิยมตกแต่งรถด้วยไฟตัดหมอก และมักเปิดใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ผิดวิธี ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้เส้นทางรายอื่นๆ เพราะ ไฟตัดหมอกเป็นไฟที่ให้ความสว่างสูง ส่วนใหญ่หลอดจะเป็นสปอตไลท์จึงสามารถส่องสว่างไปได้ไกล ซึ่งหากเปิดใช้ในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม แสงจากหลอดไฟตัดหมอกจะไปแยงและรบกวนสายตาผู้ที่ขับรถสวนทางมาทำให้ตาพร่ามัว จึงมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้สูงกว่าปกติ
การใช้ไฟตัดหมอกให้ถูกวิธี จึงมีการรณรงค์กันอย่างต่อเนื่องจากทั้งทางภาครัฐ และเอกชน โดยกรณีที่จำเป็นต้องเปิดไฟตัดหมอก ประกอบด้วย
1. ฝนตกปรอยๆ หรือตกหนัก ไฟตัดหมอกจะมีประโยชน์มาก แม้จะเป็นช่วงกลางวันก็ตามเพราะมันสามารถช่วยให้รถที่สวนมามองเห็นไฟตัดหมอกอย่างชัดเจน
2. เมื่อขึ้น ภูเขาสูงหรือยอดเขา โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาวทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน เพราะที่สูงๆ นั้น หมอกจะมีมากกว่าปกติ
3. ในช่วงกลางคืนหลังฝนหยุดตกหรือถนนยังเปียกอยู่ ซึ่งไฟตัดหมอกจะช่วยให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น เพราะไฟหน้าปกติถูกน้ำสะท้อนไปเกือบหมดแล้ว
4. ทุกกรณีที่มีหมอกหรือควันเกิดขึ้นบนท้องถนนที่บดบังทัศนวิสัยให้มองเห็นได้น้อยกว่า 50 เมตร
แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ควรปิดไฟตัดหมอกทันทีที่มีรถสวนมาในระยะที่มองเห็นไฟหน้าของรถที่สวนมาได้อย่างชัดเจน แม้แต่รถที่มีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติก็จะสั่งปิดไฟตัดหมอกคงไว้เฉพาะไฟปกติเมื่อสัญญาณจับได้ว่ามีไฟสะท้อนมาในมุมตรงข้าม
การใช้ไฟตัดหมอกอย่างถูกวิธีจะก่อให้เกิดประโยชน์และช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และเสริมทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ให้ดีขึ้น
ในทางตรงกันข้าม การเปิดไฟตัดหมอกอย่าง พร่ำเพรื่อ ไม่มีมารยาท และผิดวิธี นอกจากจะรบกวนสายตาและสร้างความรำคาญให้กับผู้ขับรถรายอื่นๆ ที่ร่วมใช้เส้นทางแล้ว ยังเพิ่มโอกาสทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วย
ที่มาข้อมูลจาก : Sanook Auto, auto.siam-vip.com/wp-content
THAIPURCHASING.com!! มี LINE Official แล้วรู้ยัง
ติดตามกิจกรรมต่างๆของเรา ได้ทุกวันผ่าน LINE ID
เพื่อรับสิทธิพิเศษกิจกรรมต่างๆ ฟรีก่อนใคร

Comment
New!

สถาปนิก 68 ทบทวนทิศทาง Past Present Perfect

หากท่านอยู่ในอุตสาหกรรมน้ำมันและปิโตรเคมี ไม่ควรพลาดงานนี้ !! งาน Thailand Oil & Gas Roadshow 2024

สถาปนิก’68 ทบทวนทิศทาง Past Present Perfect

แบรนด์ผลิตภัณฑ์ก่อสร้างชั้นนำกว่า 600 บริษัท ตบเท้าร่วมงานสถาปนิก’67 พร้อมโชว์นวัตกรรมสุดล้ำ
Popular

ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงาน

สินค้าส่งออกสำคัญ 10 อันดับแรกของไทย

การส่งกำลังโดยใช้สายพาน

ประเภทสกรูและน็อต อุตสาหกรรม