“วีทีแหนมเนือง” ทุ่ม 600 ล. บุกตลาดอาเซียน

“วีที แหนมเนือง อุดรธานี” ทุ่ม 600 ล้าน ปั้น “วีที คอมมูนิตี้” บนเนื้อที่ 19 ไร่ ปั้นเป็นแลนด์มาร์กแห่งภาคอีสาน ศูนย์รวมสินค้าของฝากท้องถิ่น และศูนย์กระจายแหนมเนืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ รองรับนักท่องเที่ยวแบบวันสต็อปเซอร์วิส พร้อมเดินหน้าขยายตลาดรอบทิศ เพิ่มพื้นที่ขายส่งรุกตลาดทั่วประเทศ-เล็งเจาะอาเซียน

นายทอง กุลธัญวัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท วีที แหนมเนือง จํากัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงทุน 600 ล้านบาท ก่อสร้างอาคารวีที แหนมเนืองแห่งใหม่ บนเนื้อที่ 19 ไร่เศษ ริมถนนมิตรภาพอุดรธานี-ขอนแก่น บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 4-5 ตําบลบ้านจั่น อําเภอเมืองอุดรธานี ภายใต้ชื่อ “วีที คอมมูนิตี้” โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เป็นศูนย์รวมสินค้าของฝากท้องถิ่น และศูนย์กระจายสินค้าแหนมเนืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ พร้อมบริการที่จอดรถฟรีกว่า 300 คัน รองรับบริการกรุ๊ปทัวร์ พร้อมห้องประชุม การจัดสัมมนา อีเวนต์ทุกรูปแบบ นอกจากนี้ยังต้องการจะผลักดันวีที คอมมูนิตี้ ให้เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของภาคอีสานด้วย

นายทองยังให้รายละเอียดด้วยว่า ภายในวีที คอมมูนิตี้ จะประกอบด้วย 6 ส่วนหลัก ได้แก่ 1.โซนภัตตาคารอาหารเวียดนาม 2 ชั้น สามารถรองรับลูกค้าได้กว่า 1,500 ที่นั่ง ทั้งกลุ่มครอบครัว นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ คณะสัมมนา กลุ่มประชุม ห้อง VIP พร้อมสื่อให้บริการ 2.โซนของฝาก สินค้าที่ระลึกท้องถิ่นมีสินค้าและผลิตภัณฑ์ OTOP พร้อมบริการไดรฟ์ทรู ที่สามารถออร์เดอร์สินค้าซื้อกลับบ้านได้อย่างรวดเร็ว 3.เว้ คอนเวนชั่น ฮอลล์ พื้นที่สำหรับจัดงานทุกรูปแบบ ทั้งการจัดสัมมนา งานแสดงโชว์สินค้า การจัดงานแต่งงาน รองรับได้กว่า 1,000 คน 4.ตลาดวีทีพาม่วน ตลาดวิถีชุมชน ศูนย์รวมสินค้าพื้นถิ่นแห่งภาคอีสาน เน้นการจำหน่ายอาหารท้องถิ่นอุดรฯ อาทิ อาหารเช้าท้องถิ่นสไตล์อุดรฯ ผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาไทย ผ้าไหม ผ้าหมี่-ขิด และสินค้าโอท็อป เพื่อสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น

5.ส่วนโรงงาน สายการผลิต และกระจายสินค้า ไลน์การผลิต รองรับการส่งออก และกระจายสินค้าไปทั่วประเทศและต่างประเทศ และเปิดให้กลุ่มทัวร์สามารถเข้าเยี่ยมชมโรงงาน-กระบวนการผลิตแหนมเนืองได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และ 6.ฟาร์มวิธีอินทรีย์ ในอนาคตวางแผนจะทำเกษตรแบบอินทรีย์ โดยการหมุนเวียนนำเศษผัก เศษอาหาร จากภัตตาคาร และการผลิตมาเข้ากระบวนการผลิตปุ๋ยต่อยอดไปสู่การปลูกผักอินทรีย์ ซึ่งจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีพื้นบ้าน

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายพื้นที่การขายส่งอาหารเวียดนามไปทั่วประเทศ รวมทั้งการขยายตลาดไปต่างประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศอาเซียน คือ สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา และสิงคโปร์ รวมถึงจีนตอนใต้์ และฮ่องกง โดยจะใช้ประเทศสิงคโปร์เป็นจุดกระจายสินค้า

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :  www.prachachat.net

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------