“กกร.” หวั่นสงครามการค้า-บาทแข็ง-Brexit ลากยาว ทำ GDP หด ส่งออกปี’62 ร่วงเหลือ 5-7%

1.3K



“กกร.” หวั่นสงครามการค้า-เงินบาทแข็ง-Brexit ลากยาวทำ GDP หด ส่งออกปี’62 ร่วงเหลือ 5-7% หนุนทำ B20 ถาวรช่วยลดฝุ่น

 

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในฐานะประธานที่ประชุม คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) คาดว่าศรษฐกิจ GDP ไทยในปี 2562 ให้ขยายตัวได้ในกรอบประมาณการของ กกร. ที่ 4.0-4.3% จากทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2561 ขยายตัว 4.1% ผลจากตัวเลขไตรมาส 4/61 ที่ถูกกระทบจากเรื่องส่งออก และการลงทุนภาครัฐ แม้ว่าการบริโภคภาคเอกชนและการลงทุนภาคเอกชนยังรักษาระดับการเติบโตไว้ได้ดีก็ตาม

 

และจากปัญหาสงครามการค้า และเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มเติบโตชะลอลง คาดว่าจะส่งผลให้การส่งออกของไทยในปี 2562 อาจขยายตัวชะลอลงมาอยู่ในกรอบประมาณการ กกร. ที่ 5-7% เทียบกับที่ขยายตัว 6.7% ในปี 2561

 

นอกจากนี้ กกร.ยังคงมีความเป็นห่วงเรื่องค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งหากเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการส่งออกของไทยในปี 2562 ด้วย

 

โดยนับตั้งแต่ต้นปี 2562 จนถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2562 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 3.4% แข็งค่ามากสุดเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาค เป็นรองเพียงค่าเงินรูเปียะห์อินโดนีเซียที่แข็งค่าขึ้น 3.7% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งการแข็งค่าของเงินบาท เป็นผลจากปัจจัยเงินดอลลาร์ฯ อ่อนค่าเพราะขาดแรงหนุน (หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ ส่งสัญญาณถึงโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยที่ลดทอนลง

 

สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจอื่นที่สำคัญคือ การท่องเที่ยว โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2562 จะเติบโตในอัตราที่ใกล้เคียงกับในปี 2561 ที่ 7.5% ตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวในตลาดสำคัญ รวมทั้งนักท่องเที่ยวจีนที่น่าจะทยอยเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนมากขึ้น อันเป็นผลจากความร่วมมือกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

 

ในระยะข้างหน้า ที่ประชุม กกร.จะติดตามสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น ผลการเลือกตั้งทั่วไปและการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ความคืบหน้าเรื่องข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน และความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit ตลอดจนทิศทางการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท เพื่อประเมินผลต่อเศรษฐกิจและธุรกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป

 

 

 

ทั้งนี้ ภาคเอกชนได้สนอแนะแนวทางการดำเนินงานเพิ่มเติมเพื่อลดฝุ่นละออง PM 2.5 ดังนี้ 1.การให้ความรู้และคำแนะนำในการปฎิบัติตนเมื่อเข้าพื้นที่เสี่ยง ผ่านสื่อทุกชนิด เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ เข้าถึงข้อมูลป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 โดยข้อมูลจะต้องออกจากแหล่งข้อมูลของรัฐบาลเพียงแหล่งเดียวเท่านั้น

 

2.มาตรการระยะสั้น ควรขอความร่วมมือภาครัฐ และภาคเอกชนในการมีมาตรการป้องกันและบรรเทาฝุ่นที่เหมาะสมในที่ก่อสร้าง ในเขตกรุงเทพและปริมณฑล เช่นการสเปรย์น้ำ การล้างล้อรถขนวัสดุก่อสร้าง เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่น และการทำความสะอาดสถานที่ก่อสร้างเป็นประจำ

 

3.มาตรการระยะสั้น ควรขับเคลื่อนเรื่องการใช้ Biodiesel B20 ในรถบรรทุก โดยมีส่วนต่างราคาที่เหมาะสม เพื่อไม่เป็นภาระการชดเชยที่มากเกินควรสำหรับภาครัฐ

 

4.ผลักดันการใช้ Biodiesel B20 ในระยะยาวตามยุทธศาสตร์ปาล์มของประเทศ

 

5.ผลักดันให้ภาครัฐมีนโยบายให้ใช้รถไฟฟ้า โดยกำหนดให้รถสาธารณะเป็นรถ EV (Electric Vehicle รถไฟฟ้า) โดยภาครัฐสนับสนุนการยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิต อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง

 

นอกจากนี้ สุดท้าย กกร.มีการจัดสัมมนาเกี่ยวกับบัญชีเดียวของ SME ในวันที่ 7 มีนาคม 2562 เพื่อช่วยให้ SME เข้าใจในเรื่องบัญชีเดียวมากยิ่งขึ้น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :  www.prachachat.net

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

 

sendLINE

Comment